
สารจากประธานกรรมการ
ในปี 2567 ที่ผ่านมาเป็นอีกหนึ่งปีที่บริษัทได้เผชิญกับความเปลี่ยนแปลงจากสภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม และบริษัทได้ให้ความสำคัญต่อการกำหนดในทางยุทธศาสตร์ และปรับปรุงการบริหารจัดการ โดยมีการทบทวนและจัดลำดับความสำคัญด้านการลงทุนอย่างเหมาะสม โดยเร่งการขยายธุรกิจหลักที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ และแสวงหาโอกาสในการเข้าลงทุนธุรกิจใหม่ พร้อมทั้งพัฒนาวางรากฐานด้านเทคโนโลยีดิจิทัลโดยการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงาน การพัฒนาศักยภาพบุคลากรอย่างต่อเนื่องโดยส่งเสริมความรู้ ทักษะ ที่เป็นองค์ความรู้ใหม่ ๆ ให้กับพนักงานเพื่อตอบสนองทิศทางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้อย่างยั่งยืนต่อเนื่อง รวมถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต ในขณะเดียวกันบริษัทได้ดำเนินการปรับโครงสร้างของกลุ่มบริษัทให้มีความคล่องตัวพร้อมที่จะก้าวไปสู่การเป็นบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจพลังงานทางเลือก และธุรกิจที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสนับสนุนการดำเนินงานเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีความยั่งยืน มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วยการกำกับดูแลกิจการที่ดีและโปร่งใส
บริษัทยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุุรกิจตามแผนกลยุุทธ์ด้านการขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานทางเลือก รวมทั้งพัฒนารูปแบบการดำเนินธุรกิจใหม่ ๆ และเดินหน้าลงทุนในธุรกิจใหม่ที่ต่อยอดธุรกิจเดิมอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อให้สอดรับกับทิศทางการเติบโตอย่างยั่่ืงยืน โดยบริษัทมีการขยายการลงทุนที่สำคัญในธุรกิจพลังงานทางเลือก ได้แก่ การเข้าลงทุนในโครงการระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งที่สถานีฐานและเสาโทรคมนาคมเพื่อการประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าและเพื่อจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นได้จากระบบผลิตไฟฟ้าให้แก่บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด และการเข้าลงทุนในโครงการ ESCO Model งานให้บริการโครงการจัดการพลังงานไฟฟ้าจากระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ซึ่งเป็นการนำรูปแบบบริษัทจัดการพลังงานของภาคเอกชนมาประยุกต์ใช้กับอาคารภาครัฐในด้านการอนุรักษ์พลังงานหรือพลังงานทดแทน รวมถึงการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ ซึ่งกำลังเป็นกระแสโลกและเป็นแนวโน้มแห่งอนาคต โดยการเข้าร่วมในการดำเนินโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ และประโยชน์ในการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร
สำหรับทิศทางด้านการเติบโตและการขยายธุรกิจในปี 2568 บริษัทมุ่งเน้นขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานทางเลือก โดยกำหนดกลยุทธ์ที่เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนธุรกิจ 3 แนวทาง ประกอบด้วย
-
ขยายการลงทุนในโครงการระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งที่สถานีฐานและเสาโทรคมนาคมเพื่อการประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าให้แก่บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด และโครงการ ESCO Model โครงการจัดการพลังงานไฟฟ้าจากระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา(Solar Rooftop) อย่างต่อเนื่อง
-
ขยายโอกาสลงทุนในธุรกิจ “พลังงานสะอาด” (Clean Energy) ตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ : Power Development Plan (PDP)
-
มุ่งสู่ตลาดคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) โครงการปลูกป่า (ป่าชายเลน ป่าบก) เพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต และเพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงปัจจัยทางด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล และนำไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Business)
นอกจากการดำเนินธุุรกิจตามแผนกลยุุทธ์ขององค์กรดังกล่าวข้างต้นแล้ว บริษัทยังเน้นความสำคัญในการขับเคลื่อนธุุรกิจเพื่อความยั่งยืน โดยให้ความสำคัญด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) อย่างจริงจัง ซึ่งส่งผลให้บริษัทประสบผลสำเร็จในการดำเนินงานด้านความยั่งยืน โดยในปี 2567 บริษัทได้รับคะแนนในระดับดีเลิศ (Excellent CG Scoring) หรือระดับ 5 ดาว จากโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2567 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยมีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 107 เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ได้รับคะแนนเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ 105 รวมทั้งได้รับรางวัลประกาศเกียรติคุณการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน ประจำปี 2567 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน ประเภท “Sustainability Disclosure Recognition” จากสถาบันไทยพัฒน์ ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่องค์กรที่ดำเนินการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียขององค์กร นอกจากนี้ ในปี 2567 บริษัทยังได้ริเริ่มให้มีนโยบายการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint for Organization: CFO) เพื่อประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานและกิจกรรมต่าง ๆ ขององค์กร ทั้งยังใช้เป็นเครื่องมือในการคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้น เพื่อนำไปสู่การกำหนดแนวทางบริหารจัดการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการเตรียมความพร้อมให้พนักงานเกิดความเข้าใจและสามารถรายงานปริมาณการปล่อยและดูดกลับก๊าซเรือนกระจกขององค์กรได้ในอนาคต ซึ่งการดำเนินการต่าง ๆ ดังกล่าวมานี้สะท้อนให้เห็นว่า บริษัทได้ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการให้อยู่ในระดับที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการดำเนินกิจการโดยยึดหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาลควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจเพื่อให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน
สุดทายนี้ ในนามของคณะกรรมการบริษัท บูรพา เทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) และกลุ่มบริษัท ขอขอบคุณผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจ คู่ค้า และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่สนับสนุนและเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจของบริษัทด้วยดีเสมอมา รวมทั้งขอขอบคุณคณะกรรมการบริษัท คณะผู้บริหาร และพนักงานทุกท่านสำหรับความทุ่มเทในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ทั้งนี้ ขอให้เชื่อมั่นว่าบริษัทยังคงมุ่งมั่น ทุ่มเท และบริหารงานด้วยความระมัดระวัง รอบคอบ ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาลที่ดี และให้ความสำคัญต่อการพัฒนาด้านความยั่งยืนขององค์กร เพื่อสร้างผลประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายอย่างยั่งยืนต่อไป
ดร.พงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์
ประธานกรรมการ
บริษัท บูรพา เทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน)